การประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 2/2559

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ จัดการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 2/2559

เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2559 เวลา 13:30 น. นายกฤษณ์ ธนาวณิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการบริหารจัดการข้าวระดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 2/2559 ณ ห้องประชุมสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ฝ่ายเลขาคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร โดยมีแผนดำเนินการ 3 ระยะคือ ระยะสั้น 6 เดือน ระยะกลาง 12 เดือน และระยะยาว 18 เดือน ประกอบด้วย 4 ส่วน ได้แก่ การกำหนดอุปสงค์/อุปทาน ช่วงการผลิต การเก็บเกี่ยว การตลาดในประเทศ และการตลาดต่างประเทศ มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ซึ่งได้มีการประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร และกำหนดผู้รับผิดชอบในการกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับผิดชอบกำกับติดตามแผนการผลิตและการตลาดข้าวที่กำหนดไว้ให้มีการดำเนินเป็นไปตามการปฏิบัติการโครงการภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าครบวงจร ปี 2569/60

สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่คาดการณ์การผลิตข้าวนาปรัง ปี 2558/59 พื้นที่ปลูก 79,830 ไร่ ผลผลิตประมาณ 58,140 ตัน ผลผลิตเฉลี่ย 690 กิโลกรัมต่อไร่ พื้นที่ปลูกลดลงประมาณ 35,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 30.56 เนื่องจากสถานการณ์น้ำน้อย ทำให้พื้นที่ปลูกลดลง โดยเกษตรกรปลูกข้าวเหนียวทั้งหมด สถานการณ์เก็บเกี่ยวเกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวแล้งประมาณ 11,975 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 35 ของพื้นที่ปลูก สำหรับสถานการณ์การผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/60 จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ปลูก 408,746 ไร่ ผลผลิต 267,754 ตัน เฉลี่ย 655 กิโลกรัม/ไร่ สำหรับการเพาะปลูกภายใต้การผลิตข้าวครบวงจร จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ประมาณ 400,000 ไร่ ขณะนี้ผ่านอนุกรรมการด้านเกษตรระดับจังหวัดแล้ว ซึ่งขณะนี้ ราคาข้าวเหนียวราคาแพงกว่าข้าวหอมมะลิ โดยข้าวสารหอมมะลิ ราคาอยู่ที่ 23-24 บาท/กก. ข้าวเหนียว 28-31 บาท/กก. และข้าวหักเหนียว 20-21 บาท/กก. จากการจัดการข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ซึ่งยังค้างอยู่ประมาณ 12-13 ล้านตัน หากมีการบริหารจัดการที่ดีจะไม่มีผลกระทบต่อราคาข้าว