เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562 เวลา 13.00 น.คณะแพทยศาสตร์ มช. จัดแถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเผยแพร่เรื่องสารเคมีรั่วไหลในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.วิชัยชื่นจงกลกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เป็นประธานในการแถลงข่าว ร่วมกับ ศาสตราจารย์ นพ.คม สุคนธสรรพ์ รองคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ และ อาจารย์ นพ.ดิเรก บรรณจักร หัวหน้าหน่วยวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ ณ ห้องประชุมบุญสม มาร์ติน คณะแพทยศาสตร์ มช.
อาจารย์ นพ.ดิเรก บรรณจักร หัวหน้าหน่วยวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ เปิดเผยว่า สารเคมีที่รั่วไหลดังกล่าวชื่อเรียกว่า เซนนาไซต์ (Sanacide-R8) มีองค์ประกอบของสารที่มีลักษณะเดียวกันกับน้ำส้มสายชู และสารที่ใช้ทำความสะอาดบาทแผลทั่วไป แต่มีความเข้มข้นสูงกว่า ประโยชน์ใช้งานทำความสะอาดเครื่องกรองและตัวกรองของเครื่องฟอกไต บรรจุเป็นแกลลอนในห้องไตเทียม ขณะบรรจุภาชนะเพื่อทำการเจือจาง ข้อต่อสายมีการหลุดจึงเป็นสาเหตุของการรั่วของสารเคมีดังกล่าว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์ศรีพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากได้รับการแจ้งจากผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้ประสานไปยัง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ เพื่อประสานงานให้ผู้เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาสารเคมีรั่วไหลดำเนินการเข้าพื้นที่โดยเร่งด่วนพร้อมทั้งจำกัดพื้นที่ไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของสารนี้ได้ และกล่าวต่อไปอีกว่าเนื่องจากสารดังกล่าวเป็นสารเคมีที่สำคัญและสามารถระเหยก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ จึงได้มีการตัดไฟในบริเวณพื้นที่ของชั้นดังกล่าวและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่เข้าไปดำเนินการใส่ชุดป้องกันก่อนเข้าพื้นที่ พร้อมทั้งประสานขอความช่วยเหลือไปยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่เพื่อให้ส่งทีมเข้าพื้นที่เก็บกู้สารเคมีดังกล่าวร่วมกับทีมที่มาจากเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยมีนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มาร่วมกำกับดูแล ทำให้สามารถเก็บกู้สารเคมีดังกล่าวและทำความสะอาดพื้นที่ให้กลับคืนสู่สภาพปกติได้ ส่วนสาเหตุของการรั่วไหลของสารเคมีดังกล่าวจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนการเกิดเหตุอีกต่อไปเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก