โรคต้อกระจก เป็นโรคอันตรายอันดับ 1 ที่เป็นสาเหตุให้ตาบอด พบมากในคนช่วงอายุ 60-70 ปี อาการเริ่มต้นตาจะมัวทีละนิด อันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน และการประกอบอาชีพ
ปกติผู้ที่เป็นโรคต้อกระจกมีสิทธิที่จะรักษาในโรงพยาบาล แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ ขาด 4 ปัจจัยในการเข้ารับการรักษา ได้แก่ ขาดลูกหลานพาไป ขาดเงิน ขาดรถรับส่งและขาดเวลา เพราะการรักษาต้องมีหลายขั้นตอนตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การนัดผ่าตัด การพักฟื้นในโรงพยาบาล การตรวจอาการหลังผ่าตัดสองสัปดาห์ และ 1 เดือนหลังจากผ่าตัด การออกหน่วยโครงการรณรงค์ผ่าตัดต้อกระจกในครั้งนี้จะช่วยลดขึ้นตอนดังกล่าว ทำให้ผู้ป่วยได้รับโอกาสรักษาที่ดี และช่วยคนที่มีปัญหาด้านสายตาให้กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง
ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย รศ.นพ.ดิเรก ผาติกุลศิลา อาจารย์ประจำภาควิชาจักษุวิทยา และหัวหน้าทีมจักษุแพทย์ หน่วยแพทย์อาสามูลนิธิจักษุเชียงใหม่ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช. ร่วมกับ รศ.นพ.ณวัฒน์ วัฒนชัย ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, อ.นพ.คณิน เหลือสว่าง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, พญ.ภารดี นพนาคีพงษ์ นครสวรรค์ (คลินิกส่วนตัว), พญ.วิสาข์ บัวแจ่มรัตนวงศ์ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์, พญ.ณิชา เพียรวิจารณ์พงศ์ โรงพยาบาลศรีสังวรสุโขทัย และ สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ร่วมโครงการรณรงค์ผ่าตัดต้อกระจก เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 ณ โรงพยาบาลบางมูลนาก อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร
ทั้งนี้ได้ส่งมอบการมองเห็นโลกใบใหม่ ผ่าน 226 ดวงตา โดยมีผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด ต้อกระจก จำนวน 196 คน ต้อเนื้อ 27 คน และผ่าตัดร่วมทั้งสองประเภทอีก 3 คน เพื่อฟื้นฟูการมองเห็นและคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่อำเภอบางมูลนากและใกล้เคียง
ปพิชญา เมืองวงศ์ : รายงานข่าว
กาณฑ์ โสภโณดร : บรรณาธิการข่าว